เมนู

สัตว์เหล่านั้นมีอัตภาพขนาด 3 คาวุต มีเล็บยาวเหมือนค้างคาว เอาเล็บเกาะ
ห้อยอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล คล้ายค้างคาวเกาะห้อยอยู่ที่ต้นไม้ฉะนั้น เมื่อมือ
เปะปะไปถูกกันและกันเข้า ต่างก็สำคัญว่าเราได้เหยื่อแล้ว ดังนี้ แล่นไล่
หมุนไปรอบ ๆ ก็พลัดตกไปในน้ำรองโลก คล้ายผลมะซางเมื่อถูกลมประหาร
อยู่ก็ขาดตกไปในน้ำ พอตกลงไปถึงก็เปื่อยย่อยไปในน้ำกรด ราวกะ
แป้งตกน้ำละลายไปฉะนั้น . บทว่า อญฺเญปิ กิร โภ สนฺติ สตฺตา
ความว่า สัตว์เหล่านั้นเห็นกันในวันนั้น จึงได้รู้ว่า ได้ยินว่า สัตว์เหล่าอื่น
มาเกิดในที่นี้ เพื่อเสวยทุกข์นี้ เหมือนเราทั้งหลายเสวยทุกข์ใหญ่อยู่ฉะนั้น.
แต่แสงสว่างนี้จะสว่างอยู่แม้เพียงดื่มยาคูอีกหนึ่งก็หามิได้ สว่างอยู่ชั่วเวลาที่สัตว์
หลับแล้วตื่นขึ้นอารมณ์แจ่มใสฉะนั้น . ส่วนพระทีฆภาณกาจารย์ กล่าวว่า
แสงสว่างนั้น ส่องเพียงพอสัตว์พูดว่านี้อะไร ก็หายไป คล้ายแสงสว่างฟ้าแลบ
ชั่วลัดนิ้วมือเท่านั้น.
จบอรรถกถาปฐมอัจฉริยสูตรที่ 7

8. ทุติยอัจฉริยสูตร


ว่าด้วยความอัศจรรย์ 4 ในพระตถาคตเจ้า


[128] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมี 4 ประการ
ย่อมปรากฏ เพราะความปรากฏแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 4
ประการเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ผู้มีอาลัย (คือกามคุณ)
เป็นที่รื่นรมย์ ยินดีในอาลัย บันเทิงในอาลัย เมื่อพระตถาคตแสดงธรรมอัน
หาความอาลัยมิได้อยู่ หมู่สัตว์นั้นย่อมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับ ตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง